การดื่มกาแฟได้กลายเป็นไวรัลกิจวัตรที่แพร่หลายจนกลายเป็นเครื่องดื่มที่แทบจะขาดไม่ได้ และวิวัฒนการของกาแฟก็มีการพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุด จนมาถึงเครื่องชงกาแฟ กาแฟจึงกลายเป็นเครื่องดื่มหลักสำหรับหลาย ๆ ครอบครัวไม่ใช่เพียงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่กลายเป็นเครื่องดื่มจำเป็นสำหรับหลาย ๆ ครอบครัวทั่วโลก
กาแฟถูกนำมาเป็นเครื่องดื่มในตอนเช้าเพื่อให้ความสดชื่น หรือดื่มหลังมื้ออาหาร และนิยมใช้เป็นเครื่องดื่มในวันอากาศดี แต่สำหรับการเป็นคอกาแฟ เมล็ดกาแฟที่ดีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญหลักและเครื่องชงแบบ Quick pot เรามีเคล็ดลับวิธีที่ที่จะทำให้กาแฟที่บ้านเป็นเครื่องดื่มที่วิเศษที่สุด มาดูกันเลยว่าชงกาแฟอย่างไรให้อร่อยที่บ้าน
การชงกาแฟให้อร่อย
- ปริมาณกาแฟที่เหมาะสม ผงกาแฟบด ground coffee ที่เป็นวัตถุดิบเริ่มต้นสำหรับการชงกาแฟ ปริมาณที่เหมาะสมต่อกาแฟ 1 แก้ว ปริมาณมาตรฐานทั่วไปจะอยู่ที่ 180 ml (6 Oz2) ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการดื่ม 1 ครั้ง
- กรณีสำหรับเครื่องชงกาแฟ การใส่น้ำเพื่อใช้ในการชงกาแฟสำหรับเครื่องชงมาตรฐานขนาดเล็ก ปริมาณน้ำในกล่องด้านหลังเครื่องที่ใส่สามารถจุได้ประมาณ 1,300 ml. และให้ใช้น้ำที่มีอุณหภูมิเย็นประมาณ 195 ถึง 205 °F (91 ถึง 96 °C) ไม่ควรใช้น้ำร้อนใส่ในกล่องพักน้ำเพื่อรอชงจะทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหาย
เลือกใช้เมล็ดที่เหมาะสม
1. เลือกใช้เมล็ดกาแฟชนิด Arabica
โดยธรรมชาติของกาแฟ จะมีเมล็ดกาแฟที่ใช้นิยมนำมาชงกาแฟมี 2 ประเภทหลักๆ คือ เมล็ดกาแฟสายพันธ์ุอาราบิก้าและสายพันธ์ุโรบัสต้า สำหรับอาราบิก้าเป็นพันธุ์กาแฟที่มักนิยมปลูกในพื้นที่สูง อาราบิก้าจะมีความขมที่กำลังดีที่กำลังรับไหว พวกเขามีรสหวานและเป็นกรดมากกว่าแต่มีรสขมน้อยกว่าโรบัสต้าซึ่งปลูกในพื้นที่สูงเหมือนกัน
เมล็ดกาแฟสองสายพันธ์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากและวิธีการปลูกค่อนข้างยากจึงทำให้กลายเป็นกาแฟที่มีราคาค่อนข้างสูงสำหรับหลาย ๆ คน ปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ ที่จะส่งผลต่อรสชาติของเมล็ดอย่างเช่น สภาพการเจริญเติบโตและการจัดการให้ออกมาสำหรับพร้อมที่จะนำมาชง และที่สำคัญกาแฟหนึ่งถ้วยที่ทำจากเมล็ดโรบัสต้ามีคาเฟอีนมากกว่ากาแฟอาราบิก้าประมาณสองเท่า ทุกคนจะสามารถสัมผัสถึงระดับความคมที่มีมากนั่นหมายถึงคาเฟอีนที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
2. เลือกที่มาของกาแฟจากความชอบ
ความชอบในที่นี้คือความนุ่มของรสชาติกาแฟ ความหอม และปริมาณคาเฟอีนที่ต้องการจากร่างกาย กาแฟทั้งหมดทั่วโลกมีรสชาติที่แตกต่างกัน มีหลายรสชาติที่จะให้คุณได้เลือกและค้นหารสชาติที่คุณชื่นชอบมากที่สุด และสามารถสร้างความสุขในขณะดื่ม
การทดสอบเมล็ดกาแฟเพื่อหากาแฟที่ดีในแบบของคุณอาจจะยากสักหน่อยเพราะแม้แต่ผลิตภัณฑ์จากประเทศเดียวกันก็ยังมีความแตกต่างในเรื่องของรสชาติที่ยังมีความแตกต่าง เช่น เมล็ดกาแฟจากแอฟริกามักจะมีรสชาติที่เข้มข้น ในขณะที่เคนยาและเอธิโอเปียเป็นแหล่งของเมล็ดกาแฟแอฟริกันทั่ธรรมดาทั่วไป หรือเมล็ดกาแฟจากอเมริกาใต้มักจะมีรสหวานคล้ายชอคโกแลต เมล็ด แต่บราซิลและโคลอมเบียก็มีรสชาติที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร สำหรับเมล็ดกาแฟที่จะรสชาติดีเยี่ยมคือเมล็ดที่ปลูกในดินที่มีแร่ธาตุสมบูรณ์ดี มีความกลมกล่อมเมื่อนำมาชงดื่ม ในบางสายพันธ์ุจะมีรสชาติเหมือนดอกไม้หรือผลไม้จะพบได้ในพื้นที่อย่าง ฮาวาย
3. เลือกดื่มกาแฟที่การคั่วอยู่ในระดับกลางเพื่อความนุ่มนวล
โดยทั่วไปแล้วการคั่วให้เมล็ดมีความเป็นสีดาร์กมันคือการเผากาแฟ เมล็ดกาแฟจะเคลือบด้วยความไหม้และจะทำให้เกิดน้ำมันหลังจากผ่านการคั่วแล้ว กาแฟที่มีรสชาติเข้มจนขมมากจะเกิดจากการคั่วที่สร้างความไหม้ที่มาก แต่สำหรับการคั่วระดับกลางจะเป็นการคั่วที่ทำให้กาแฟยังคงมีรสชาติจากเมล็ด เป็นรสชาติที่ละมุนและมีความเข้มและขมได้อย่างสมดุล
4. ใช้ให้หมดตามเวลา
กาแฟทั่วไปจะมีรสชาติที่เก็บไว้ได้นานเพียงแค่ 30 วันเท่านั้น แต่ถ้าให้ดีควรจะมีในปริมาณสำหรับ 7 วันจะดีกว่าถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนมีอายุอยู่ได้นาน แต่หากทิ้งไว้นานเกินไป รสชาติที่ได้กลับไม่เหมือนกับกาแฟที่ชงจากเมล็ดที่คั่วมาใหม่ ไม่แนะนำให้เลือกซื้อเมล็ดจากแพ็คเกจที่ไม่ระบุวันผลิตหรือวันหมดอายุ
5. เก็บเมล็ดกาแฟในภาชนะที่ปิดสนิทให้ห่างจากแสงแดดและความชื้น
มีปัจจัยรอบด้านที่จะทำให้กาแฟของคุณรสชาติเปลี่ยนไปถึงแม้ว่าคุณยังไม่ได้เปิดถุงเลยก็ตาม เพราะความร้อน แสง อากาศ และความชื้นล้วนมีผลต่อรสชาติของกาแฟ การป้องกันไม่ให้เมล็ดกาแฟลดคุณภาพลง ให้เก็บไว้ในภาชนะที่มีลักษณะทึบและให้เก็บไว้ในตู้เก็บ แต่คุณรู้ไหมว่าเมล็ดกาแฟสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็งได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเพื่อลดปัญหาความชื้น ควร เก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท แต่ทางที่ดีคุณควรใช้เมล็ดกาแฟให้เร็วที่สุดจะดีกว่า
6. เนื้อกาแฟบด
คุณสามารถเลือกเนื้อกาแฟบดได้สองแบบ แบบหยาบและแบบละเอียด ขนาดที่คุณต้องการขึ้นอยู่กับประเภทของอุปกรณ์ชงกาแฟที่คุณใช้อยู่ และกาแฟที่คุณต้องการดื่ม เช่น สำหรับการชงกาแฟแบบดริป คุณต้องบดให้มีความหยาบในระดับปานกลาง เป็นเครื่องบดที่อาจใช้มือ แต่หากเป็นเครื่องบดละเอียดจะเป็นการชงกาแฟเข้มข้นแบบเอสเปรสโซ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการชงกาแฟให้อร่อยปัจจัยไม่ใช่เพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ไม่ใช่แค่เมล็ดกาแฟ หรือเครื่องชง อุปกรณ์ หรือแม้กระทั่งน้ำชงก็มีผลเป็นอย่างมาก น้ำที่ดีที่สุดคือน้ำที่สะอาดผ่านการกรองมาเรียบร้อยแล้วเพื่อลดปัญหาตะกอนขณะชง คุณสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้และรับรองว่าคุณได้ดื่มกาแฟที่อร่อยแน่นอน slothub888s