เมื่อที่คุณมีโอกาสพิเศษและอยากทำอาหารจานเด็ดเพื่อเลี้ยงแขกที่มาเยี่ยมเยียน สเต็กก็เป็นตัวเลือกหนึ่งในเมนูที่น่าสนใจ เพราะสามารถเป็นเมนูอาหารค่ำที่แสนพิเศษ โดยปรกติแล้ววิธีการปรุงหรือการทำสเต๊กให้สุกมักจะใช้วิธีการย่าง แต่เรามีวิธีที่ง่ายและสะดวกกว่านั้นด้วยการทำมันลงไปในเตาเอบธรรมดา แต่ออกมาเป็นสเต็กที่แสนจะวิเศษ ร้านหรูไม่จำเป็นสำหรับคุณอีกต่อไป เพราะสเต็กทำง่าย ๆ ได้ที่บ้านแบบมืออาชีพ เพียงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเนื้อ
สเต็กที่ดีเนื้อที่มีคุณภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ คุณสามารถเลือกเนื้อที่คุณชอบแต่แนะนำว่าเมื่อเลือกเนื้อที่คุณต้องการแล้วควรดูขนาดของเนื้อเป็นสิ่งสำคัญต่อมาชิ้นเนื้อไม่ควรมีขนาดเล็กหรือชิ้นใหญ่จนเทอะทะ
7ขนาดชิ้นเนื้อที่เหมาะสมควร
Sirloin เนื้อเซอร์ลอยน์ จะเป็นชิ้นเนื้อสันนอกหนา ๆ เนื้อแน่น ๆ จะอยู่บริเวณสะโพกวัวด้านบน ที่เราเห็นกัน แต่เมื่อไหร่ที่ถูกนำมาเข้าสู่ขั้นตอนสเต็กแล้วนั้นบอกเลยว่าเนื้อเซอร์ลอยน์เป็นเนื้อส่วนที่มีความนุ่มมากเลยทีเดียว
น้ำหนักที่เหมาะสม : 220-250 กรัม
Tenderloinเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ เนื้อส่วนสันในแสนนุ่ม เป็นเนื้อในส่วนที่ไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อจึงทำให้มีปริมาณเนื้อที่แน่น เนื้อสันในของวัวจะไม่ค่อยมีไขมันปนมากเท่าใดนักจึงเป็นส่วนที่สายไดเอททั้งหลายโปรดปราน แต่ส่วนเทนเดอร์ลอยน์จะมีลักษณะเป็นเนื้อกลมชิ้นไม่ใหญ่มากนัก แต่ความนุ่มไม่แพ้ส่วนอื่นเลย
น้ำหนักที่เหมาะสม : 220-250 กรัม
Rib Eye เนื้อริบอาย ไม่มีใครไม่รู้จักส่วนนี้ มันป๊อบปูล่ามาก ๆ กับสายเนื้อและจะพบเจอได้ในร้านอาหารประเภทปิ้งย่าง หรือหม้อร้อนอย่างชาบู ลักษณะพิเศษของริบอายสังเกตได้ง่ายมาก จะมีไขมันเกาะที่เนื้อค่อนข้างเยอะ ลายจะคล้ายหินอ่อนสวย ที่สำคัญความนุ่มจะได้สองเด้ง จากไขมันที่สามารถละลายในปากเพราะนุ่มมาก กับเนื้อเน้น ๆ ที่นุ่มทำเอาฟินได้
น้ำหนักที่เหมาะสม : 220-250 กรัม
Strip Loin เนื้อสตริปลอยน์ หรือนิวยอร์กสตริป เป็นเนื้อที่นุ่มมาก ๆ อีกส่วนหนึ่งเลย เป็นเนื้อส่วนกระดูกสันหลังบริเวณด้านล่าง เป็นลูกครึ่งระหว่างเนื้อสันในกับส่วนทีโบน
น้ำหนักที่เหมาะสม : 220-250 กรัม
T-bone ทีโบนสเต๊ก เป็นเนื้อที่มีรสชาติความผสมผสานที่พิเศษของเนื้อสองฝั่ง เพราะเป็นเนื้อระหว่างสตริปลอยน์กับเทนเดอร์ลอยน์โดยมีกระดูกอ่อนกั้นตรงกลาง ทำให้ความคุ้มค่าในรสชาติมีมากที่สุดในชิ้นส่วนนี้ สังเกตได้จากราคาของทีโบนที่จะมีราคาสูงเพราะขนาดของชิ้นจะค่อนข้างใหญ่
น้ำหนักที่เหมาะสม : 220-250 กรัม
Tomahawk โทมาฮอว์ก ชิ้นเนื้อติดกระดูกที่ต้องใหญ่เท่านั้น เป็นเนื้อที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าหากทำสเต็กด้วยเนื้อส่วนนี้ การเสริฟต้องได้ขนาดที่มีความหนามากกว่า 2 นิ้ว เพราะมีชิ้นกระดูกที่ติดอยู่เป็นเอกลักษณ์ของเนื้อส่วนนี้ เรื่องของรสชาติมีความหวานนุ่มไม่พลาดเพราะมีความหวานจากน้ำกระดูก ทำให้เนื้อโทมาฮอว์กเป็นส่วนที่อร่อยที่น่าทึ่ง และที่สำคัญเป็นส่วนที่มีมีราคาแพง
น้ำหนักที่เหมาะสม 800-1,200 กรัม
Filet Mignon ฟิเลมิยอง เป็นส่วนที่มีราคาแพงมากที่สุดในบรรดาเนื้อทุกส่วน เพราะเป็นส่วนที่มีเล็กที่สุดและจะมีเพียแค่ 2 ชิ้นเท่านั้นในร่างกายของวัว น้ำหนักโดยรวมทั้งสองชิ้นส่วนมากจะไม่เกิน 500-600 กรัม เป็นส่วนที่ตัดออกมาจากปลายของชิ้นเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ มีความนุ่มเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความนุ่มที่แตกต่างจากชิ้นส่วนอื่น ชิ้นเนื้อจะไม่ใหญ่มากเท่าใดนัก ฟิเลมิยองเป็นเมนูที่
น้ำหนักที่เหมาะสม 200-220 กรัม
เกรดของเนื้อสเต๊ก
USDA Prime
เป็นเนื้อที่มีคุณภาพดีเยี่ยม เป็นเนื้อที่มาจากวัวหนุ่มที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี จะดูได้จากมีลายกล้ามเป็นเส้นสีขาวโชว์ความเป็นกล้ามไขมันที่มักจะเรียกกันว่าเป็นลายหินอ่อน จึงทำให้การเลือกเนื้อที่ดีไม่ยากสำหรับคุณเลย
USDA Choice
มีคุณภาพดีอีกส่วนหาซื้อได้ง่าย แต่จะสังเกตว่าชิ้นเนื้อเหล่านี้จะมีปริมาณเส้นกล้ามเนื้อไขมันน้อยกว่า USDA Primeสูงและมีจำหน่ายในวงกว้างมากขึ้น การตัดเหล่านี้จะมีปริมาณไขมันน้อยกว่าและมีลายหินอ่อนน้อยกว่าสีรองพื้น แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดี
USDA Select
เป็นสเต็กคุณภาพทั่วไปและมีราคาถูกกว่าส่วนอื่น ๆ ลายหินอ่อนมีให้เห็นเบาบาง มีความเหนียวมากกว่าปรกติ สำหรับความฉ่ำในเนื้อดูเหมือนจะมีไม่มากเมื่อเทียบกับเนื้อส่วนอื่น
วิธีการปรุงสเต็ก
อย่างที่บอกในตอนต้น การปรุงสเต็กจะเป็นรูปแบบของการย่างเป็นส่วนใหญ่ แต่จะให้คุณเปลี่ยนการย่างบนตะแกรงเป็นการปรุงและทำด้วยการอบในเตาอบที่บ้านและทำให้เนื้อยังคงความฉ่ำไม่แพ้การย่าง
อุปกรณ์ที่ใช้
- กระทะเหล็ก Cast Iron Skillet
- เตาอบ
- เทอร์โมมิเตอร์ Termometer
- ที่คีบโลหะ Metal Tongs
วัตถุดิบ
- เลือกเนื้อสเต็กที่คุณชอบ 2 ชิ้น (เนื้อที่เลือกให้ใช้น้ำหนักตามปริมาณด้านบน ในที่นี้เราเลือกเป็น ริบอาย ท็อปเซอร์ลอยน์ สตริปสเต็ก หรือเนื้อสันใน)
- เกลือ
- พริกไทยดำป่นสด
- น้ำมันคาโนลา หรือน้ำมันมะกอก1-2 ช้อนโต๊ะ
- เนยเค็ม1 ช้อนโต๊ะ
เพิ่มเติมวัตถุดิบ :
สเต็กเนื้อหนาที่มีความหนาประมาณ1 – 1 ½ นิ้ว ให้อุณหภูมิเตาอบอยู่ที่ 450 °c
(อุณหภูมิด้านล่างต่อไปนี้เป็นระดับการวัดจากเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิเนื้อ)
125 °c -130°c = Blue Rare เป็นความสุกเฉพาะขอบด้านนอก ส่วนด้านในดิบ ให้ทิ้งไว้ในเตาอบ 10 นาที
135°c -140°c = Rare เป็นความสุกเฉพาะขอบด้านนอก ส่วนด้านในดิบ 75% ให้ทิ้งไว้ในเตาอบ 15 นาที
145 °c -150 °c = Medium Rare มีความสุกและดิบในตัวเดียวกัน สุกด้านนอกกินส่วนที่สุกเข้ามาด้านใน
มีความดิบ 50% ให้ทิ้งไว้ในเตาอบ 20 นาที
150 °c -155 °c = Medium มีความสุกกำลังดี สำหรับคำว่าสุกกำลังดีหมายถึงจะเพิ่มความสุกจาก Medium Rare ขึ้นมาอีกระดับ ให้ทิ้งไว้ในเตาอบ 22 นาที
160 °c -165 °c = Done ความสุกทั้งหมดทั้งก้อนเนื้อ สำหรับคนที่ไม่นิยมกินดิบ แต่เนื้อยังคงมีความนุ่ม ให้ทิ้งไว้ในเตาอบ 25 นาที
วิธีการทำสเต็กเนื้อเตาอบ
1. นำสเต็กออกมาจากตู้เย็น ปล่อยทิ้งไว้ให้เนื้อมีความอุ่นในอุณหภูมิปรกติประมาณ 20-30 นาที
2. เช็ดเนื้อที่เย็นปรกติแล้วด้วยกระดาษชำระ
3. ปรุงรสสเต๊กด้วยสัดส่วนที่กำหนด คลุกเคล้าให้ครบทุกด้าน
4. เปิดเตาอบอุณหภูมิ 450 °c (เป็นการรอขั้นตอนอื่นก่อนเข้าเตาอบ)
5. นำกระทะเหล็กตั้งเตาไฟอุณหภูมิปานกลาง ใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อย นำเนื้อขึ้นย่างพลิกไปพลิกมาเป็นเวลา 1 นาที
6. ตั้งอุณหภูมิในระดับที่คุณต้องการ โดยการเสียบเข้าด้านข้างของเนื้อจนถึงตรงกึ่งกลาง
7. หลังจากย่างในกระทะได้เวลาและเตรียมเครื่องวัดอุณหภูมิเรียบร้อยแล้ว นำกระทะเข้าเตาอบ (ไม่ต้องนำเนื้อออกจากระทะ)
8. เมื่อเนื้อมีความสุกได้ครึ่งหนึ่งของอุณหภูมิที่กำหนดให้พลิกอีกด้านและนำเข้าเตาอบอีกครั้งจนครบอุณหภูมิ
9. พักชิ้นเนื้อหลังออกจากเตาอบเป็นเวลา 5 นาที จากนั้นให้ทาเนยทั้งสองด้าน
10. นำสเต็กลงจานที่เตรียมไว้ สไลค์บาง ๆ แบบพอดีคำพร้อมรับประทาน
มันอาจจะดูยุ่งยากไปสักหน่อยแต่การใช้เตาอบก็เป็นการลดเวลาและเป็นการทำที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์ที่มากมายนัก และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับนักย่างมือใหม่ก็ไม่ต้องหนักใจกับการย่างที่ไม่ได้ความสุกของเนื้อที่ต้องการ แต่การใช้เตาอบจะเป็นการกำหนดความสุกได้แบบคงที่ ทำให้รสชาติเนื้อยังไม่เสียหายและยังคงมีความฉ่ำที่ให้รสหวานผสมกับความนุ่มละลายได้ในปาก ทำให้การรับประทานเนื้อสเต็กของคุณเป็นมื้อพิเศษที่ไม่อยากลืม howto101
เครดิต : ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ