คงเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ต่อทุกสภาวะอากาศเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงฤดูกาล อาการจามตลอดวัน คันตา คันผิวหน้า หรือแม้กระทั่งอาการคล้ายคนเป็นไข้หวัดที่จะเกิดขึ้นบ่อยเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงอย่าง ความชื้น ความเย็น หรืออาการร้อนอบอ้าว เกือบจะครบทุกอุณหภูมิ
เรามีการปฏิบัติตัวเพื่อลดอาการแพ้ในเบื้องต้นให้คุณได้ลองทำเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมและรับมือกับทุกสภาพอากาศ และวิธีปฏิบัติเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณสามารถลดอาการแพ้อากาศได้เพียงเท่านั้น ยังช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อีก ลองมาตามดูวิธีเหล่านี้กัน
วิธีรับมือกับสิ่งแวดล้อมภายนอก
1. หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกเมื่อมีลมแรง ลมพัดแรงเป็นศัตรูตัวร้ายของคนที่เป็นภูมิแพ้ เพราะเมื่อไหร่ที่มีลมพัดจำนวนฝุ่นละออง ฝุ่นควัน หรือแม้กระทั่งเหล่าบรรดาละอองเกสรมักจะเข้ามากวนใจ จนทำให้คุณเริ่มมีอาการจาม คันตามผิวหนัง บางครั้งอากาศดีในตอนเช้าก็อาจะเป็นช่วงเวลาที่จะทำให้คุณได้รับฝุ่นละออกเหล่านั้น เวลาที่เริ่มมีลมและเป็นตัวการนำฝุ่นเข้าหาคุณมาที่สุดมักจะเป็นเวลา 05.00-10.00 น.ในตอนเช้า
2. สวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อต้องทำงานในที่ที่มีฝุ่นหรือขนสัตว์ ความเซนซิทีฟที่มีในผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ ฝุ่นและขนสัตว์จึงเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้ แต่หากในชีวิตประจำวันของคุณมีความจำเป็นที่ต้องเจอ ให้คุณสวมหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นขนาดเล็ก และขนสัตว์ และพยายามหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องเจอกับฝุ่นละออง เช่น การทำสวน หรือการดูแลสัตว์เลี้ยงในตอนเช้า
3. ปิดกระจกรถของคุณในขณะขับรถ แทบจะไม่มีใครเปิดกระจกรถในขณะขับ แต่ก็ไม่แน่ว่าในการเลื่อนกระจกรถลงเพื่อให้สัมผัสได้ถึงลมโชยขณะนั่งรถเป็นเรื่องน่าดึงดูดใจสำหรับฤดูการท่องเที่ยว เต่ลมที่แรงมากเกินไปจะทำให้ผิวได้รับการกระทบโดยตรง และจะมีสารหลายตัวในอากาศที่จะกระตุ้นอาการภูมิแพ้
ให้คุณปิดกระจกในขณะขับและเปิดแอร์ในรถที่ให้อุณหภูมิไม่เย็นเกินไป อยู่ในระดับที่ความรู้สึกของคุณกำลังสบาย และไม่ให้หันช่องแอร์ตรงไปที่ใบหน้าของคุณเพื่อป้องกันไม่ให้จมูกของคุณได้รับการการระเคืองจากอากาศที่เย็นด้วย
การจัดการอื่น ๆ
1. เปลี่ยนเสื้อผ้าและสระผม มันเป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในเรื่องการทำความสะอาดร่างกายเมื่อคุณกลับจากข้างนอก แต่สำหรับในคนที่เป็นภูมิแพ้ แนะนะให้คุณต้องอาบน้ำและสระผมทุกครั้ง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามร่างกายและเส้นผม หากคุณยังคงใส่มันอยู่ละอองฝุ่นหรือละอองเกสรและขนสัตว์ ยังคงติดตามเนื้อผ้าที่คุณสวมใส่ มันจะไม่สลายไปจนกว่าคุณจะซักมัน
2. ทำความสะอาดบ้านด้วยอุปกรณ์ที่บ้าน ตัวการที่จะทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ไม่เพียงแค่ฝุ่นละออกเท่านั้น รวมไปถึง เชื้อราที่แฝงตัวอยู่ ฝุ่นและเชื้อราเหล่านี้อาจจะอยู่ตามขอบหน้าต่างประตู รวมไปถึงในช่องระบายความร้อนจากเครื่องปรับอากาศ การทำความสะอาดบ้านของคุณตามปรกติอาจจะยังไม่เข้าถึง คุณจำเป็นต้องทำความสะอาดให้ล้ำลึกเพื่อกำจัดเชื้อราและฝุ่นละอองเหล่านั้น
คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติที่หาได้ง่ายในบ้าน ด้วยการใช้น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา แอลกอฮอล์ล้างแผล และมะนาว นำมาผสมกันเพื่อใช้เช็ดถูทำความสะอาดหลังจากการดูดฝุ่นทุกจุด วิธีนี้จะช่วยให้พื้นผิวของอุปกรณ์ต่าง ๆ สะอาดอย่างหมดจด กำจัดเชื้อราและฝุ่นหนาออกไป
3. อบผ้าให้แห้ง ปรกติการซักผ้าในเครื่องซักผ้ามักจะจบด้วยการปั่นหมาด และใช้การตากผ้ากลางแจ้ง แน่นอนผ้าคุณจะแห้งสนิท แต่ทว่าการตากผ้ากลางแจ้งมีผลกระทบต่อคนที่เป็นภูมิแพ้โดยตรง เพราะกลางแจ้งมักจะมีฝุ่นละออง สิ่งสกปรกที่มาตามแดดและลมสิ่งเหล่านี้จะตามคุณเข้าไปในบ้านและอยู่กับคุณตลอดเวลาอย่างผ้าปูที่นอน หรือแม้แต่เสื้อผ้าที่คุณสวมใส่ทุกวัน
คุณควรหลีกเลี่ยงการตากผ้ากลางแจ้งหากเป็นไปได้ คุณควรจบขั้นตอนการซักผ้าด้วยการอบให้แห้ง แบบที่ไม่จำเป็นต้องนำไปตากอีก การอบผ้าแห้งเป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ และแน่นอนว่ามันอาจจะต้องเป็นการลงทุน แต่มันก็จะเป็นการรักษาและป้องกันอาการเหล่านี้ได้ในเบื้อต้นเช่นกัน
4. จัดการที่นอนหลังตื่นนอน การตื่นนอนในทุกวันตอนเช้าการจัดที่นอนให้เป็นระเบียบเป็นสิ่งที่ดี และคุณมีความจำเป็นต้องมีการคลุมที่นอนให้มิดชิด และให้คุณซักผ้าปูที่นอนด้วยน้ำร้อนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพราะความร้อนจะเป็นการจัดการตัวการที่จะก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้
ใช้สารป้องกันทางธรรมชาติ
1. กินอาหารที่มี Queretin คุณสามารถใช้วิธีการรับประทานอาหารจากธรรมชาติอย่าง ผลไม้รสเปรี้ยว แอปเปิล เบอร์รี่และเชอร์รี่สีเข้ม หัวหอม ไวน์แดง และชา อาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้จะสร้างสารที่ช่วยต่อต้านอาการภูมิแพ้อย่างQuercetin ที่สร้าง Histamine มาเป็นตัวกันเซลล์บางตัว และต้านการอักเสบ
2. กินอาหารที่มีเครื่องเทศ ทุกอย่างที่เป็นเครื่องเทศ และเพิ่มรสชาติอาการของคุณให้มีความเผ็ดขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ความเผ็ดของ อาหารรสเผ็ดร้อนสามารถจัดการล้างเสมหะออกเครื่องเทศที่พูดถึงนี้คือ พริกป่น ขิง เฟนูกรีก และกระเทียม
3. ลดอาหารที่กระตุ้นอาการแพ้ อาหารหรือผักผลไม้บางชนิดมีส่วนประกอบที่เป็นเกสรหรือหญ้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไปกระตุ้นอาการให้เกิดเร็วขึ้นหลังการรับประทานหรือในขณะทาน ควรหลีกเลี่ยงอาหารต่อไปนี้หากคุณเป็นภูมิแพ้ เช่น แตงกวา กล้วย เมล็ดทานตะวัน ดอกคาโมไมล์ และอิชินาเซีย
4. Butterbur เป็นสมุนไพรที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของอาหารเสริมหรือยา Butterburมีสรรพคุณที่เทียบเท่ากับตัวยาอย่าง Histamine แต่ใช้ได้ผลมากกว่าในผู้ที่เป็นภูมิแพ้ โดยเฉพาะอาการที่เกิดจากการแพ้จากช่องจมูก แต่ก่อนที่คุณจะเลือกใช้ให้แน่ในว่า Butterbur ในรูปยาหรืออาหารเสริมจะปลอด PA คุณสามารถรับประทาน Butterbur สกัดได้วันละ 4 ครั้ง และไม่ควรเกินครั้งละ 1 เม็ด
5. การใช้น้ำเกลือล้างจมูก น้ำเกลือหรือที่รู้จักกันในชื่อ Saline Rinse นิยมใช้ตอนที่มีอาการแน่นจมูกหายใจไม่ออกจากอาการแพ้ ทำให้จมูกโล่งและสามารถกำจัดแบคทีเรียอย่างได้ผล ล้างเอาเมือกบางๆ ออกไป คุณสามารทำมันได้เองที่บ้านอย่างง่าย ๆ ด้วยการผสมเกลือ ½ ช้อนชากับเบกกิ้งโซดาเล็กน้อยผสมลงในน้าเดือดที่อุ่นแล้วปริมาณ 240 ml. หรือคุณสามารถหาซื้อน้ำเกลือที่ฆ่าเชื้อแล้วมาใช้ล้างก็ได้เหมือนกัน
วิธีการล้างจมูกอย่างง่าย ๆ ให้คุณเอียงศีรษะไปด้านข้าง และใช้สลิงค์ดูดน้ำเกลือแล้วฉีดเข้าไปในรูจมูกด้านบน ให้ทำสลับทั้งสองข้าง คุณอาจจะมีอากาสำลักร่วมด้วยเล็กน้อย แต่นั่นแปลว่าคุณฉีดเข้าไปได้ลึกและทั่วถึง
6. ดื่มน้ำ โซลูชั่นสุดท้ายที่เบสิคในชีวิตประจำวันที่สุด แต่ในคนที่เป็นภูมิแพ้นั้น ควรดื่มน้ำให้มากกว่าที่คนปรกติดื่มเล็กน้อย เนื่องจากน้ำจะเข้าไปเป็นตัวขับแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ภายในร่างกายออกมา ในผู้หญิงให้ดื่มน้ำให้ได้วันละ 2.5 ลิตร และ 3 ลิตรสำหรับผู้ชาย การดื่มน้ำไม่ใช่เพียงแต่ช่วยลดอาการภูมิแพ้เท่านั้น ยังช่วยให้อวัยวะภายในร่างกายได้รับออกซิเจนที่มากขึ้นทำให้ร่างกายมีการทำงานที่คล่องตัวและแข็งแรง และทำให้อาการภูมิแพ้ลดลง
สำหรับคนที่มีอาการภูมิแพ้หรือเป็นโรคภูมิแพ้ สิ่งที่คุณควรปฎิบัติคือการตรวจเช็คระดับภูมิแพ้ของคุณด้วยการทดสอบ และการทดสอบที่แม่นยำที่สุดนั่นก็คือทดสอบทางการแพทย์ เพื่อให้คุณรู้ถึงระดับของอาการเพื่อให้คุณได้เตรียมพร้อมในการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ในบางรายที่แพทย์ชี้ชัดว่าคุณอยู่ในระดับอาการที่ต้องใช้ยาในทุกวัน คุณก็สามารถสร้างความแข็งแรงเพิ่มขึ้นได้จากวิธีการเหล่านี้ได้อีกทาง howto101