ชีวิตดีใคร ๆ ก็อยากมี ความสุขใคร ๆ ก็อยากได้ในชีวิต แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถสร้างชีวิตที่ดีและมีความสุขได้ไปพร้อม ๆ กัน แต่คุณอาจต้องถามตัวเองเสียก่อนว่าคำว่า “การใช้ชีวิตที่ดีที่สุด” ในนิยามของตัวคุณมันเป็นอย่างไร เพราะการมีชีวิตที่ดีที่สุดจะสะท้อนให้คุณเห็นชีวิตในหลายแง่มุม
แต่ในขณะที่การเลือกมีชีวิตที่ดีที่สุดของคุณมาจากทุกสิ่งทั้งหมดที่เกี่ยวกับตัวคุณ ยังคงมีสิ่งอื่นที่จะรบกวนการใช้ชีวิตของคุณให้สะดุดลง เช่น โซเชียลมีเดียสิ่งนี้เป็นตัวทำลายความสุขในชีวิตของคุณ มันจะทำให้คุณต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก กรีดความรู้สึกในบางเวลา เพราะบางครั้งโซเชียลจะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้เป็นในแบบที่สังคมคาดหวัง เช่น การแต่งตัวที่เราชอบแต่สังคมต่อต้าน การเป็นตัวเองที่สังคมจะตำหนิเสมอ จนทำให้คุณขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิต
และบ่อยครั้งคุณจะใช้เวลาเกินกว่าครึ่งหมดไปกับความกังวลว่าคนอื่นกำลังทำอะไร พยายามใช้ชีวิตตามที่สังคมคาดหวังจากคุณ จนคุณลืมไปว่าคุณจำเป็นต้องมีชีวิตที่มีความสุข และคุณลืมไปว่าชีวิตที่คุณต้องการและดีที่สุดสำหรับคุณเป็นอย่างไร เรามาเริ่มสร้างความสุขให้กับชีวิตของเราเองด้วยวิธีต่อไปนี้
ตอบคำถามกับตัวเองจากคำถามเหล่านี้
ประสบการณ์ความรักที่คุณมี
คุณอาจมีความรักในขณะนี้กับครอบครัว ภรรยา หรือสามี ลูก และคุณรู้สึกว่าคุณสามารถแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ให้กับพวกเขาเหล่านี้ และคุณสามารถประคับประคองพวกเขาในเวลาที่พวกเขาต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤต
แบ่งปันการเป็นตัวตนของคุณให้กับคนอื่นแล้วหรือยัง
การแบ่งปันส่วนที่เป็นตัวตนหรือทักษะพิเศษที่มีในตัวคุณให้กับผู้อื่น เพื่อให้คนเหล่านั้นได้ใช้ทักษะที่ไม่เหมือนใครของคุณในการปรับการใช้ชีวิตของพวกเขาให้มีความสุขหรือประสบความสำเร็จ
ขอบคุณชีวิตของคุณแล้วหรือยัง
การถูกรบกวนจากสังคม การถูกเอาเปรียบจนบางครั้งคุณรู้สึกว่าคุณอยู่ต่อไปไม่ไหว แต่ในขณะที่ชีวิตของคุณยังคงยืนหยัดอยู่เพื่อต่อรองกับสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ จนทำให้คุณได้รู้สึกว่าชีวิตคือของขวัญที่เยี่ยมยอดที่สุดที่คุณมี จงขอบคุณชีวิตนี้ และมองหาสูตรสำเร็จในการทำชีวิตให้มีความสุขต่อไป
การเข้าสู่การสร้างชีวิตที่ดีต่อจากนี้
1. เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด
การที่คุณจะมีชีวิตที่มีความสุขได้ คุณต้องมีชีวิตที่มาจากความรู้สึกของคุณเอง อย่าพยายามเป็นเหมือนคนอื่นและอย่าเป็นคนที่คนอื่นอยากให้คุณเป็น แน่นอนว่าการต่อสู้กับสังคมเป็นเรื่องที่เหนื่อยล้า แต่เมื่อไหร่ที่คุณสามารถเอาชนะสังคมเหล่านี้ได้ คุณจะเป็นคนที่แข็งแกร่งและเก่งที่สุด ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เป็นตัวของตัวเอง
2. พยายามสังเกตตัวเอง
การสังเกตตัวเองเป็นสิ่งที่ดี นั้นแปลว่าคุณใช้ชีวิตอย่างมีสติตลอดเวลา คุณสามารถเริ่มสังเกตตัวเองว่านิสัยที่แท้จริงของคุณเป็นอย่างไร อะไรที่คุณทำแล้วจะผิดหวัง อะไรที่คุณทำแล้วมีความสุข และการวางตัวอย่างไรทำให้เกิดการกดดันจากคนรอบข้าง คุณอาจจะเขียนสิ่งเหล่านี้ลงในกระดาษแล้วอ่านมัน วิธีนี้จะช่วยทำให้คุณเห็นข้อดีข้อเสียของตัวเองมากขึ้น
3. บันทึกนิสัยไม่ดีของตัวเอง
การที่คุณเขียนนิสัยที่ไม่ดีของตัวคุณเองลงในกระดาษ และให้คุณค่อย ๆ อ่านมันทีละข้ออย่างตั้งใจ คุณจะรู้สึกได้ทันทีว่าคุณจะต้องปรับปรุงตัวเองในเรื่องใดก่อนเป็นอันดับแรก และคุณจะมองเห็นนิสัยที่ไม่ดีของคุณที่กำลังจะทำลายเวลาชีวิตของคุณ เมื่อคุณมองเห็นข้อเสียของตัวเองชัดขึ้นคุณก็จะมองเห็นทางแก้ที่ตรงจุดขึ้น แน่นอนว่าผลลัพธ์จากการแก้ไขจะทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขขึ้น
4. จินตนาการถึงภาพชีวิตที่มีความสุข
คุณไม่ได้เพ้อฟันที่จะมีชีวิตที่มีความสุข เพียงแต่เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มคิดถึงรูปแบบความสุขในชีวิตของคุณ คุณจะต้องลงมือสร้างให้เป็นอย่างที่คุณคิดไว้ และสิ่งสำคัญในการสร้างชีวิตที่มีความสุขนั่นก็คือการปรับทัศนคติให้เป็นบวก
5. โฟกัสในสิ่งที่คุณอยากทำ
สิ่งที่คุณอยากทำที่สุดในตอนนี้คืออะไร ลองถามตัวคุณเองและเมื่อได้คำตอบให้คุณทำมันในทันที เช่น หากคุณต้องการท่องเที่ยว คุณสามารถจัดกระเป๋าแล้วเดินทางได้เลยหากการเดินทางไม่กระทบต่องานหรือเงินในกระเป๋าของคุณ หรือคุณต้องการออกกำลังกายอย่างจริงจัง มองหายิมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ เมื่อไหร่ที่สุขภาพของคุณแข็งแรง จิตใจของคุณก็จะเข้มแข็งและมีพลังงานความสุขอยู่ด้วยเสมอ
6. อยู่กับปัจจุบัน
หยุดการบอกตัวเอง เมื่อฉันทำเรื่องนี้สำเร็จ ฉันจะทำแบบนี้ เช่น เมื่อฉันรู้สึกมั่นใจกว่านี้ฉันจะหางานใหม่ หรือเมื่อฉันสามารถซื้อรองเท้าคู่ใหม่ได้ฉันจะเริ่มออกกำลัง สิ่งเหล่านี้มันดูเหมือนเป็นการคาดหวังทุกสิ่งในอนาคต แต่คุณไม่รู้อนาคตจริงไหม หากคุณต้องการที่จะเริ่มทำอะไร ให้คุณเริ่มมันทันทียังไม่ต้องสนใจว่าผลของมันจะกระทบกับสิ่งใดหรือไม่ คุณสามารถเรียนรู้ความผิดพลาดจากความไม่พร้อม และการเรียนรู้นี้จะนำไปสู่การอยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุข
เมื่อคุณได้ลองทำตามทุกข้อทั้งหมดนี้แล้ว คุณอย่าลืมที่จะดูแลร่างกายตัวเองเพื่อให้สอดคล้องกับการทำให้ชีวิตดีขึ้นในทุก ๆ วัน เพราะความคิดและร่างกายจำเป็นจะต้องเดินไปพร้อม ๆ กัน ไม่สามารถเลือกอย่างหนึ่งอย่างใดได้