การต่อสู้กับชีวิตของใครหลาย ๆ คนมันเป็นความรู้สึกที่หนักและสาหัสจนทำให้ชีวิตที่เหลือแทบจะมองไม่เห็นเพราะไม่มีใครมีเวลาสนใจมันเลย แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ต้องการมองหาความสมดุลของชีวิตที่เหลือ
หลายคนอาจสงสัยว่า “ความสมดุลของชีวิต” คืออะไร แล้วทำไมเราถึงต้องมี?
ความสมดุลของชีวิตคือการที่ชีวิตประจำวัน กับชีวิตส่วนตัวถูกจับเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว อาชีพ และสังคมที่อยู่รอบตัว ชีวิตที่ต้องเข้าสู่ความล้ำสมัยในทุกวัน มีหลายบทบาทที่เราต้องแสดงออกมาเพื่อความอยู่รอด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของเราคือการสร้างสมดุลให้กับชีวิตทั้งทุกแง่มุม แม้ในภาวะที่ต้องอยู่กับการขัดแย้งตลอดเวลา
“ชีวิตที่สมดุล อย่างทำอะไรทีเกินเลย” คำกล่าวที่น่าสนใจของ แดเนียล สมิธ เพราะเมื่อไหร่คุณผลักดันตัวเองกับการทำเพื่อคนอื่นอย่างเดียวจนลืมนึกถึงตัวเองไป เพียงเพื่อให้คนเหล่านั้นยินดีที่จะให้พวกเขาอยู่กับคุณ นั่นจะทำให้ระดับของชีวิตคุณเริ่มต่ำลง และดิ่งลงในที่สุด คุณจำเป็นต้องทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นด้วยการสร้างกิจวัตรและสร้างไลฟ์สไตล์ให้สอดคล้องกับความสามารถและขีดจำกัดของคุณ
ความลับของควมสมดุลของชีวิต
การสร้างสมดุลชีวิตจะมีความลับที่แอบซ่อนอยู่โดยที่ตัวคุณเองมักไม่รู้ตัว อันที่จริงความสมดุลมันมาพร้อมกันทั้งในเรื่องงานและเรื่องของชีวิต แต่ความสับสนและพลังงานบางอย่างทำให้คุณต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งและเสียอีกสิ่งหนึ่งไป กำไรชีวิตมักไม่เกิดขึ้นในสถานการณ์นี้ และ “งาน” มักจะถูกมองว่าเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้เสมอ เพราะงานจะนำพาเอาความทุ่มเททั้งชีวิตและความผิดหวังมาให้คุณเสมอ
ไม่ยากหากคุณอยากหลุดออกจากรอบความเป็นไปนี้ “หางานใหม่” เราไม่ได้บอกว่าคุณจะต้องเปลี่ยนงานทุกครั้งเมื่อคุณรู้สึกไม่สบายใจและอึดอัด แต่เราต้องการให้คุณมองหางานที่จะสามารถสร้างความเป็นไปได้ในการใช้ชีวิตแบบปรกติทั่วไป งานอาจจะไม่ได้เป็นความสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด มันยังคงมีความน่าเบื่ออยู่บ้างแต่หากงานมีความสนุกมากกว่าความเบื่อ นั่นแปลงว่าคุณเริ่มที่จะสร้างความสมดุลแบบพื้นฐานได้แล้ว
เริ่มสังเกตสัญญาณชีวิตที่เริ่มไม่สมดุล
1. สุขภาพที่แย่ลง
อาชีพหลายอาชีพที่หลาย ๆ คนเลือก บ่อยครั้งที่คุณต้องพยามมากจนเกินความสามารถทางร่างกายและกระทบจิตใจเพื่อโลดแล่นบนโลกที่คุณกำลังเผชิญอยู่ และความกดดันนี้แหละที่จะส่งผลต่อสุขภาพของคุณ เมื่อไหร่ที่คุณได้รับอาการเตือนจากร่างกายถึงความผิดปรกติบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตที่เริ่มผิดปรกติ อาการปวดท้อง ความวิตกกังวล รวมไปถึงอาการซึมเศร้า นั่นเป็นสัญญาณชีวิตที่กำลังพาคุณดิ่งลง เพราะความสมดุลในชีวิตหายไป
2. ให้ความสำคัญกับชีวิตด้านเดียว
คุณต้องเข้าใจก่อนว่า คำว่า “ชีวิตสมดุล” คือการบาลานซ์ทั้งชีวิตส่วนตัวและงานไปพร้อม ๆ กัน คุณไม่สามารถเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะทุกอย่างต้องถูกจับมัดรวมกันอย่างมีระบบ มีความสามัคคีในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรืองานที่ทำ เวลาของคุณจะต้องมีพอให้กับทุกเรื่องและทุกสิ่ง คุณต้องไม่ให้ชีวิตในแต่ละวันเสียสมดุลไปเพราะคุณทุ่มเทให้กับด้านใดด้านเดียว ไม่ทำงานและอยู่กับครอบครัวในเวลาเดียวกัน เพราะคุณจะไม่มีสมาธิทั้งงานและครอบครัวก็จะไม่ได้รับความรู้สึกอบอุ่นเลย
3. ไม่ให้ความสำคัญกับอาหาร
พอกันทีสำหรับเมนู “อะไรก็ได้” ยิ่งชีวิตคุณต้องจัดการให้สมดุลเท่าไหร่ อาหารจะเป็นสิ่งจำเป็นเท่านั้น เพราะพลังงานสำคัญมากในการต่อสู้ในแต่ละวัน การกินอิ่มไม่ได้แปลว่าร่างกายเพียงพอ การกินที่มีประโยชน์ต่างหากที่ร่างกายต้องการ และการพักผ่อนที่เพียงพอ กับกิจกรรมสร้างอารมณ์ที่นุ่มนวลต่างหากที่ร่างกายต้องการ
แต่ละมื้อคุณไม่จำเป็นว่าต้องเป็นอาหารชั้นดี แต่การเติมสารอาหารที่จำเป็นกับการใช้ชีวิตสำคัญมากกว่า วิตามินที่ต้องเสริม ไขมันที่ต้องให้พลังงาน คุณจำเป็นต้องรับมันให้ครบทุกมื้ออาหาร สำหรับเวลาที่คุณอาจจะมีไม่มาก แต่ในระหว่ามื้อคุณสามารถเติมมันได้ เช่น คุณอาจจะไม่ได้รับผลไม้ในตอนเช้า แต่มื้อสายให้เปลี่ยนกาแฟเป็นน้ำผลไม้เพื่อเพิ่มวิตามินแทน อย่างนี้เป็นต้น ร่างกายจะเดินต่อเพื่อสร้างความสมดุลต่อไปไม่ได้ถ้าสารอาหารไม่เพียงพอ
4. รู้สึกไม่มีความสุข
อันนี้แย่แล้ว เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าคุณไม่มีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่เลยทั้ง ๆ ที่คุณคิดว่าคุณทำมันอย่างดีแล้ว นั่นคือความหายนะที่ประเมินค่าไม่ได้ และแสดงว่าคุณยังทำบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง และมีบางอย่างที่กำลังเข้ามารบกวนชีวิตของคุณ ลองถอยกลับมาเพื่อดูว่าคุณทำอะไรพลาดไป การจัดเวลาการทำงานที่กินเวลาของครอบครัวถึงแม้จะไม่บ่อย ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่จะทำให้อย่างอื่นไขว้เขวเหมือนกัน
เมื่อคุณรู้วิธีการสังเกตตัวเองแล้วว่า ชีวิตของคุณสมดุลเพียงพอแล้วหรือยัง ให้คุณเริ่มปรับสมดุลใหม่หากมันยังมีสัญญาณชีวิตเหล่านี้หลงเหลืออยู่ คุณต้องจัดการให้ความสมดุลทั้ง + และ – มีค่าเท่ากัน ไม่ควรมีข้างใดที่มากกว่าข้างใด ต่อให้เรื่องใดของคุณเป็นบวก ก็อย่าคิดว่าการบวกในส่วนนั้นจะทำให้ชีวิตสมดุล มันจะกลายเป็นความมากเกินไปก็ได้ howto101