คุณอาจจะได้ยินมันมาบ่อยแล้วกับคำว่าการฝึกสมาธิ คำ ๆ นี้ถ้าฟังดูผิวเผินมันก็คือการที่ทำให้เราโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบด้วยความตั้งใจไม่วอกแวก แต่การฝึกสมาธิที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้มันจะเป็นการเชื่อมโยงเข้าไปสู่การสร้างสติที่นิ่งมากพอและทำให้คุณสามารถรับมือกับปัญหาหรือความวุ่นวายรอบตัวได้อย่างมืออาชีพ
การทำสมาธิมันไม่ใช่เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตาอย่างเงียบ ๆ หรืออยู่ในที่ที่สงบเงียบ เพราะชีวิตโดยปกติของคุณหรืออีกหลาย ๆ คนอาจจะไม่ได้มีเวลามากพอหรือมีตัวเลือกไม่มากนักที่จะนั่งอยู่ในพื้นที่เงียบ ๆ ความจอแจของสังคมรอบไก่ความวุ่นวายของความคิดของตัวคุณเองคุณอาจจะจำเป็นที่จะต้องจัดการสิ่งเหล่านี้ให้ออกไปจากความรู้สึกของคุณด้วยการทำสมาธิแบบมืออาชีพ
แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่บอกว่าพวกเขาพยายามที่จะเริ่มทำสมาธิแล้วแต่มันไม่ได้ผล เคยมีกระบวนการทดสอบการทำสมาธิและมีการวัดผลด้วยการเขียน ซึ่งเราพบว่าคนบางคนเขียนสาเหตุถึงการทำสมาธิไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเมื่อการวิเคราะห์แบบรวม ๆ แล้วหลักใหญ่ ๆ เลยก็คือความเบื่อหน่ายในการที่จะต้องจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานเกินไป โดยเฉพาะคนที่มีเวลาไม่มากพอพวกเขาจะกลายเป็นคนใจร้อนสำหรับการให้อยู่นิ่ง ๆ และโฟกัส
วิธีการสร้างสมาธิด้วยการมีสติแบบมืออาชีพ
การใช้ลมหายใจด้วยเทคนิค 4-7-8 เทคนิคนี้เป็นเทคนิคของการทำสมาธิด้วยการนับลมหายใจ บอกได้เลยว่าเป็นวิธีที่ถูกคัดมาแบบมืออาชีพจริง ๆ เพราะการใช้ลมหายใจเป็นตัวกำหนดเพื่อสร้างสมาธิเป็นวิธีการพื้นฐานที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ แต่คุณรู้ไหมว่าการนับลมหายใจ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ขุนไม่ต้องใช้เวลามากนักและที่สำคัญเป็นวิธีที่สร้างสมาธิที่เห็นผลได้ทันที ให้คุณลองทำเทคนิค 4-7-8 ตามขั้นตอนข้างล่างนี้
- ให้คุณวางปลายลิ้นของคุณไว้ที่ด้านหลังด้านบนของฟัน
- เริ่มการหายใจออกแบบสุดตัว ให้เหมือนกับการถอนหายใจเฮือกใหญ่นับ 1-3
- หลังจากนั้นให้คุณปิดปากและเริ่มหายใจเข้าช้า ๆ ทางจมูกนับ 4
- กลั้นหายใจนับ 5-7
- ปล่อยลหายใจออกผ่านปากของคุณนับ 8ข้อนี้ให้คุณปล่อยลมหายใจเหมือนกับกาาถอนหายใจเฮือกใหญ่
- ให้คุณทำซ้ำอีกจนครบ 5 ครั้ง
คุณกำลังทำในขั้นตอนนี้ลิ้นของคุณยังจำเป็นที่จะต้องแตะอยู่ในตำแหน่งเดิมคือหลังฟันของคุณ ห้ามขยับโดยเด็ดขาดและให้คุณโฟกัสไปที่ลมหายใจ วิธีนี้จึงเป็นการทำสมาธิที่จดจ่ออยู่กับการหายใจและทำให้คุณปลดปล่อยอารมณ์และความรู้สึกอย่างมีสมาธิได้เนียนที่สุด
ขั้นตอนเข้าสู่การฝึกสมาธิเพิ่มเติม
1. Get Clear
การเริ่มเข้าสู่กระบวนการทำสมาธิหลังจากเพิ่มพลังจากการนับลมหายใจ ให้คุณตั้งใจและมุ่งมั่นกับการทำสมาธิ หยุดความคิดว่าทำไม่ได้ และให้คุณมองถึงแรงบันดาลใจที่จะหลุดออกจากกรอบกระบวนการความคิดที่วุ่นวาย และสร้างแรงบันดาลใจจากการมีสุขภาพกายและจิตที่ดี และเมื่อคุณมีความชัดเจนกับทุกสิ่งทั้งหมดนี้ก็จะทำให้คุณเริ่มทำสมาธิที่เป็นไปได้
2. ตั้งใจถึงความสำเร็จ
ในที่นี้เราพูดถึงการทำสมาธิให้สำเร็จ คุณจำเป็นต้องตัดสิ่งเร้าหรือสิ่งรบกวนรอบตัวออกให้หมด ปิดมือถือ ปิดทีวี หรือหยุดการสนทนากับคนรอบข้างชั่วขณะเพื่อเข้าสู่การทำสมาธิด้วยโฟกัสสูงสุดเพื่อความสำเร็จ
3. การเลือกท่าทาง
การทำสมาธิด้วยลมหายใจและการโฟกัส เราจะไม่แนะนำให้คุณทำในท่านอน เพราะมันจะทำให้การโฟกัสของคุณสั้นลง คุณสามารถทำในท่านั่งบนเก้าอี้ในท่าที่สบายที่สุด อาจจะมีหมอนนุ่ม ๆ รองมือของคุณไว้เผื่อให้คุณรู้สึกปลอดภัย เพราะการกำหนดท่าทางจะเป็นตัวช่วยในการโฟกัสที่ดีและเป็นการฝึกระดับการรับรู้ในขณะที่คุณทำสมาธิได้ดีกว่าการอยู่ในท่านอน
4. จัดการกระดูกสรีระ
ท่านั่งในการทำสมาธิ สิ่งที่สำคัญหรือท่าที่จำเป็นคือการจัดการสรีระทางร่างกายโดยเฉพาะกระดูกสันหลัง คุณต้องจัดมันให้ตรงและต้องเชิดอกของคุณขึ้นเพื่อเป็นการเปิดระบบหายใจให้มีสภาพคล่อง พร้อมกันนี้ให้คุณวางมือลงไปบนหน้าตักหรือหัวเข่าของคุณ เมื่อคุณหายใจเข้าให้คุณม้วนไหล่ขึ้นไปถึงหู หายใจออก ม้วนกลับและลง
5. การหลับตา
เป็นวิธีที่จะควบคุมการทำสมาธิทุกวิธี การหลับตาเป็นการจัดการกับการโฟกัสได้ดีมาก เพราะจะทำให้ความวุ่นวายของคุณสงบลงเมื่อหลับตา เพราะมันเป็นการปิดไฟ ปิดการมองเห็นทุกสิ่งรอบด้าน ทำให้คุณจำเป็นต้องใช้สมาธิเพื่อนึกถึงแทนการเห็นภาพ
6. จดจ่ออยู่กับลมหายใจ
เป็นการทำงานที่ต่อเนื่องกันสำหรับการทำสมาธิเมื่อไหร่ที่คุณหลับตาลง การจดจ่อที่ลมหายใจจะเป็นสิ่งที่ทำต่อมาแบบอัตโนมัติ ให้คุณจับความสนใจกับลมหายใจพร้อมกับสังเกตการเคลื่อนไหวของร่างกายว่ามีการเคลื่อนไหวอย่างไรสำหรับการหายใจเข้าและหายใจออกในแต่ละครั้ง โดยใช้การหายใจเข้าและหายใจออกแบบช้า ๆ ผ่านทางจมูก และเมื่อไหร่ที่จิตใจของคุณเริ่มคิดออกนอกสมาธิและล่องลอยไปยังความคิดในเรื่องที่ไม่จำเป็น ให้คุณดึงความรู้สึกกลับไปโฟกัสที่ลมหายใจใหม่โดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะจบลงตอนไหน
7. ปล่อยความรู้สึก
ขั้นตอนนี้จะเป็นการเริ่มการปล่อยวางร่างกายทุกส่วนถึงแม้ว่าคุณเริ่มต้นด้วยการกำหนดท่านั่งไว้ก็ตาม ให้คุณใช้ความรู้สึกเป็นตัวสแกนร่างกายโดยให้เริ่มจากศีรษะและไล่ลงมาที่บ่า ในขณะเดียวกันให้คุณจดจ่อกับลมหายใจและไล่ลมหายใจตามมากับความคิด เมื่อคุณสามารถไล่ระดับมาเป็นลำดับ มันจะเป็นการไล่เอาความรู้สึกตึงเครียดออกจากร่างกายได้ในเวลาเดียวกันและคุณทำได้แบบไม่รู้ตัว
8. ใช้เสียงกำหนด
การใช้เสียงกำหนดเพื่อให้คุณได้รู้ว่าคุณกำลังหายใจเข้าหรือออกและยังอยู่ในขั้นตอนปรกติหรือไม่ ให้สมาธิของคุณที่จะรับเสียงเป็นเสียงกำหนดลงหายใจ เช่น การหายใจเข้า “ฮัม” หายใจออก “ฮู้ว” เมื่อไหร่ที่ความคิดของคุณคิดถึงสองคำนี้และสามารถหายใจได้ตามสเตป นั่นถือว่าการทำสมาธิของคุณจริงจังและเป็นจริง
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณจะรู้สึกถึงความล่องลอยอยู่ในสมาธิที่ว่างเปล่า ทำให้คุณรู้สึกตัวลอยและโล่งแต่ยังมีการดึงความรู้สึกด้วยการกำหนดลมหายใจ คุณจะไม่ฟุ้ง
9. เริ่มจับเวลา
การเริ่มจับเวลาของการทำสมาธิเป็นการสร้างกำหนดการผ่อนคลายด้วยเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณทำวันละ 5 นาทีจะดูน้อยไป คุณต้องการสมาธิเพิ่มแบบเป็นชั่วโมง ไม่จำเป็นเลย เพราะการทำสมาธิด้วยการเริ่มทำที่ 5 นาทีจนคุณพิสูจน์ได้ว่าคุณสามารถใช้เวลาที่มากกว่านั้น คุณสามารถค่อย ๆ เพิ่มเวลาในทุกวันจนถึงสูงสุด 20 นาทีต่อวัน
10. ค่อยเป็นค่อยไป
เราจะพูดถึงการทำสมาธิที่ต่อเนื่อง เราไม่แนะนำให้คุณทำบ้างหรือหยุดบ้าง เพราะการทำสมาธิที่ไม่ต่อเนื่องมันทำให้คุณต้องเริ่มต้นใหม่ตลอดเวลาและมันจะทำให้คุณไม่สามารถเห็นผลได้เร็ว และอีกกรณีหนึ่งคือเวลาในการนั่งสมาธิ ให้คุณกำหนดและนั่งให้ครบตามเวลา เพราะเวลาที่คุณกำหนดอาจเป็นเวลาที่เหมาะสม อย่าออกจากสมาธิก่อนหรือนั่งนานกว่าที่กำหนด
เมื่อคุณได้รู้วิธีการทำสมาธิและหยุดสิ่งรบกวนทางจิตใจจากสมาธิแบบเสมือนเป็นมืออาชีพจากขั้นตอนเหล่านี้แล้ว ให้คุณเริ่มทำมันในทันที เพราะมันจะส่งผลดีต่อจิตใจของคุณ และเมื่อจิตใจของคุณมีสมาธิที่มากพอนั่นแปลว่า สุขภาพร่างกายของคุณจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการความแข็งแรงเนื่องจากสุขภาพใจของคุณแข็งแรง สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงก็จะตามมาด้วย
ผลจากการฝึกสมาธิตั้งแต่วันนี้ มันจะทำให้คุณได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่คุณจะได้รับในทุกด้านของชีวิต คุณจะได้รับการเปลี่ยนแปลงทางสมองและความคิดของคุณภายใน 8 สัปดาห์ ความเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขมากขึ้น และมีร่างกายที่มีศักยภาพในการรับมือการเปลี่ยนแปลงได้ทุกรูปแบบ