ความรู้สึกไม่อยากทำอะไรมักเกิดขึ้นได้กับทุกคน ในจังหวะชีวิตที่รู้สึกเหนื่อยมาก ๆ กับความรู้สึกไม่ชอบในสิ่งที่ต้องทำไม่มีแรงจูงใจให้ทำ มันจะดีมากหากคุณสามารถหยุดทำมันได้แต่มันไม่ใช่ คุณไม่สามารถหยุดมันได้ และมันจะมีวิธีไหนได้บ้างที่จะเอาชนะความขี้เกียจเหล่านี้
1. หาสาเหตุของความขี้เกียจ
คุณไม่ได้ขี้เกียจมาแต่กำเนิดหรอก เพียงแต่มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกว่าไม่อยากทำมัน หรือเหนื่อยที่จะทำมัน มาดูดันถึงสาเหตุต่อไปนี้
งานที่ล้นมือ
ที่เขาเรียกกันว่า over load ในขณะเดียวกันคุณก็ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มอะไรจากตรงไหน จนเกิดเป็นความเหนื่อยล้าและความเครียดจะตามมาในที่สุด คุณต้องวางแผนเลือกในงานที่สำคัญที่สุดก่อน คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานหรือคนรอบข้างได้แบบไม่ต้องอาย เพราะงานที่ล้นมือบางครั้งคุณก็ไม่สามารถทำมันได้เพียงคนเดียว
ความเหนื่อย
เวลาของคนเรามี 24 ชม.ต่อวัน แต่เราต้องแบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อนแบบ 16/8 กิจกรรม 16 นอนหลับ 8 เป็นความพอดี แต่ทุกวันนี้คุณอาจจะใช้ไปแล้วกับงานและกิจกรรม 20 เหลือการนอนแค่ 4 ความเหนื่อยจะไปไหนเสีย ให้คุณปรับเวลาการนอนให้เพียงพอ และเวลาการทำงานที่เพียงพอ และเวลาสำหรับกิจกรรมการดูแลตัวเองเพื่อให้ร่างกายไปโหมกำลังจนเกินไปจนเป็นความเหนื่อยล้า
ความเศร้า
ความหดหู่ใจในสถานการณ์ การคิดทุกอย่างไปในเชิงลบ ความวิตกกังวลในความเศร้า ภาพหลอนความเจ็บปวดในอดีตที่ยังคงอยู่ สิ่งเหล่านี้ล้วนบั่นทอนพลังงานในตัวคุณลงไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกที่เปราะบางมากจะทำให้โรคซึมเศร้าจะถามหาคุณ ให้คุณสะบัดความรู้สึกเหล่านี้ทิ้งออกไปให้หมดด้วยการคิดเชิงบวก รู้จักมีความรักและการให้อภัย จะช่วยคลายความเศร้าได้
งานที่ไม่เคยชอบ
การบังคับตัวเองให้ทำงานที่ตัวเองไม่ชอบเพียงเพราะเงิน มันทำให้สภาพจิตใจของคุณรู้สึกไม่พร้อมในทุก ๆ คุณอยากให้แต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ประสิทธภาพของงานก็ไม่มีอะไรโดดเด่น ให้คุณลองใช้วิธี Eat the frog มันไม่ได้หมายความว่าให้คุณไปกินกบ แต่มันคือการที่ให้คุณทำงานที่ยากที่สุดก่อนในเวลาเริ่มต้นการทำงานแต่ละวัน และเมื่องานที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว งานอื่น ๆ ก็จะง่ายขึ้น
กลัวการเริ่มต้น
ก่อนหน้านี้คุณอาจจะเคยโดนวิจารณ์แบบรุนแรงมาเกี่ยวกับการทำงานของคุณ และการมองไปที่เป้าหมายและคุณคิดว่าคุณทำมันไม่ได้ การเริ่มต้นจึงไม่เคยเกิดขึ้น ให้คุณลองใช้เวลาแบ่งการทำงานให้เล็กลงเพื่อให้คุณได้ทำงานอย่างเต็มที่ ได้เริ่มต้นและได้จบงานแบบไม่ต้องใช้เวลามากนัก การแบ่งงานเป็นแบบย่อยจะส่งผลให้คุณไม่ตึงเครียดจนเกินไป
2. อย่าติดความสบาย
ความสบายในที่นี้เหมือนกันการที่คุณนั่งทำงานบนเตียง ไม่ว่าเวลาไหนโต๊ะทำงานของคุณคือเตียง มันจะทำให้คุณรู้สึกไม่สดชื่น ง่วง และไม่กระฉับกระเฉง หมด passion เอาง่าย ๆ เพราะเตียงมันไม่ใช่โต๊ะทำงาน มันมีหน้าที่ทำให้คุณนอนหลับ ดังนั้นคุณควรใช้พื้นที่อื่นในบ้านสร้างมุมทำงานของคุณเอง
3. กำหนดเวลาการทำงาน
การทำงานแบบ Non stop ไม่ใช่เรื่องดี ร่างกายและสมองของคนเราต้องการการพักผ่อน เมื่อคุณอัดงานทุกอย่างลงไปที่สองมือของคุณ น้ำหนักงานที่มากจนเกินไปจะทำให้คุณล้าและเกียจคร้าน ให้คุณแยกการทำงานเป็นแบบบนโต๊ะทำงานที่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง จะปรับความรู้สึกให้กระตือรือร้นเหมือนคุณได้มาทำงานในที่ทำงานทุก ๆ วัน
4. อย่างพยายามสมบูรณ์แบบ
หากคุณมีโอกาสในการทำบางอย่างพลาดและไม่เป็นไปตามแผนที่คุณได้วางไว้ แต่ให้จำไว้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้ไม่ได้เรียกว่า “ความล้มเหลว” แต่มันเป็นเพียงประสบการณ์ที่น้อยเกินไป จึงทำให้โลกนี้ดูโหดร้าย การเป็นคนสมบูรณ์แบบที่ดีต้องไม่ต้องพยามยามจะเป็น แต่ให้คุณเลือกที่จะเป็นอะไรที่คุณมีความสุขก็พอแล้ว
ความขี้เกียจมักมาก่อนความขยันเสมอ บ่อยครั้งที่คนเราเลือกความขี้เกียจ แต่สำหรับตอนนี้ หลังจากที่คุณได้ฝึกก้าวข้ามความขี้เกียจได้ ปัญหาต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวคุณก็จะทำได้เพียงวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวคุณแต่มันไม่สามารถเข้ามาอยู่ในความรู้สึกของคุณได้