เรียนรู้สัญญาณเตือนชีวิตกำลังเดินผิดทาง

หลายคนอาจจะไม่เคยมีโอกาสได้สังเกตหรือเรียนรู้ความรู้สึกแปลก ๆ ทีเกิดขึ้นในความคิดหรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป คุณอาจจะเคยยืนจิบกาแฟที่มุมใดมุมหนึ่งในที่ทำงานของคุณ ในขณะเดียวกันคุณชอบที่จะยืนมองไปในบิลที่ไกล ๆ และเดินกลับมาทำงานด้วยความรู้สึกสดชื่น คุณอาจจะเป็นแบบนั้นอยู่สักระยะหนึ่งแล้วคุณก็เริ่มที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมแบบนั้น แต่มันไม่ใช่เพราะความเปลี่ยนไปเพราะคุณอยากจะเปลี่ยนวิวหรือทัศนียภาพแต่มันเป็นเพราะความรู้สึกภายในใจของคุณที่เปลี่ยนไปแต่คุณไม่รู้ตัว

เราจะกำลังจะบอกคุณว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของคุณภายใต้จิตใต้สำนึกที่มันส่งผลให้คุณเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยอัตโนมัติ มันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่อันที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่จะทำให้คุณได้รู้ว่ากำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นจากกิจวัตรหรือสิ่งที่คุณชอบ และความหมายของการเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือคุณกำลังดำเนินชีวิตอยู่ในความไม่สมบูรณ์แบบ

เราได้นำเอาสัญญาณเตือนเหล่านั้นมาให้คุณศึกษาเพื่อใช้ในการสังเกตตัวเองถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น หากคุณได้เรียนรู้ถึงสัญญาณเตือนเหล่านี้มันจะช่วยทำให้คุณสามารถตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองในแง่ลบได้อย่างรวดเร็ว ให้คุณลองมาศึกษาจากสิ่งต่อไปนี้ 

สัญญาณทางพฤติกรรมที่กำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงลบ

1. เกลียดวันจันทร์

ความรู้สึกนี้มันไม่ได้เป็นความรู้สึกของความขี้เกียจหรือกันหยุดติดพันจนทำให้คุณไม่อยากไปทำงานในวันจันทร์ เรากำลังจะพูดถึงความรู้สึกเกลียดวันจันทร์นั่นหมายความว่า คุณกำลังต้องการที่จะหลบเลี่ยงอะไรบางอย่างหรือเริ่มรู้สึกไม่ Enjoy ไปกับงานที่คุณทำอยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะว่าคุณอาจจะพบกับความผิดพลาดในการทำงาน การถูกตำหนิจนเกินลิมิตที่คุณจะรับได้ หรือคุณรู้สึกไม่ชอบหน้าเพื่อนร่วมงาน เหตุผลเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งแต่มันยังมีอะไรที่มากกว่านั้น

การเกิดวันจันทร์ที่เกิดจากการไม่ Enjoy ไปกับงานที่ทำนั่นหมายความว่าคุณรู้สึกว่างานที่คุณกำลังทำไม่ใช่งานที่คุณต้องการที่จะทำมันจริงๆ และนี่เป็นสัญญาณที่เริ่มเตือนแล้วว่าคุณกำลังจะทำงานที่คุณไม่ถนัดหรืองานที่คุณไม่ได้ต้องการ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่คุณจะต้องทำงานด้วยความจำเป็นไม่ใช่งานที่คุณรักหรืองานที่คุณถนัด มันจะทำให้คุณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่คุณวางไว้ได้เลย 

2. ฉุนเฉี่ยวง่ายขึ้น

หากเราไม่นับช่วงอายุอาการฉุนเฉียวที่ง่ายขึ้น คุณอาจจะคิดว่าเป็นเพราะความเครียดที่มากเกินไป หรือการได้รับความกดดันที่มากเกินไป แต่อันที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้น อาการความฉุนเฉียวที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากนั่นเป็นเพราะว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านทัศนคติที่คุณไม่รู้ตัวมาก่อน การถูกตำหนิบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นจากเจ้านายหรือจากลูกค้า มันจะทำให้เกิดการสะสมความคิดในเชิงลบจนทำให้คุณรู้สึกต่อต้านในเนื้องานที่คุณกำลังทำ โดยคุณอาจจะไม่สามารถแสดงออกในเรื่องของการปฏิเสธด้านอื่นแต่จะแสดงออกในเรื่องของอารมณ์ที่ฉุนเฉียวออกไปในทันทีอย่างไร้การควบคุม

ให้เริ่มสังเกตการถูกตำหนิด้วยการแก้ไขงานบ่อยขึ้น งานของคุณเริ่มไม่สมบูรณ์แบบและการที่ถูกตำหนิมากขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกันคุณคิดว่าคุณทำงานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงอะไรแต่ทำไมงานถึงดูไม่สมบูรณ์แบบ และนี่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตัวของคุณและพฤติกรรมของคุณแบบที่คุณไม่รู้ตัวมาก่อน

3. ความรู้สึกว่างเปล่า

เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมันจะทำให้คุณอยู่ในห้วงเวลาแห่งความอันตรายในชีวิต เพราะความว่างเปล่าที่มันจะเกิดขึ้นในความรู้สึกของคุณมันคือการหมดซึ่งกำลังใจและมันจะทำให้คุณต้องการที่จะเปลี่ยนตัวคุณเองให้เป็นเหมือนคนอื่น หรือความต้องการที่จะมีคนห้อมล้อมคนที่มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อช่วยในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคุณ

ความรู้สึกนี้จึงเป็นเรื่องแห่งความโหดร้ายกับชีวิตของคุณมาก เพราะการที่คุณต้องการให้คนอื่นเข้ามาเปลี่ยนแปลงคนโดยเฉพาะความรู้สึกของคุณ มันจะทำให้ชีวิตของคุณสามารถเกิดความผิดพลาดได้ง่ายใดเพราะความคิดของคนอื่นมันคือการที่ต้องการให้คุณเป็นไปในแบบนั้นแต่มันไม่ใช่ในแบบคุณ 

4. ความรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่

ในขณะที่คุณจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแต่มันบังเอิญว่าเป็นสังคมที่จำเป็นต้องอัพเลเวลตัวเองอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นความรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่จะเกิดขึ้นมาได้ง่ายๆจากสิ่งเร้าภายนอก คุณเริ่มรู้สึกไม่พอใจในตัวของคุณเองจากสายตาของคนอื่น คุณยอมให้คนอื่นเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของคุณมากเกินไป คุณอาจจะต้องเหมือนกับอยู่บนแฟชั่นวีคในทุกๆวัน คุณจะรู้สึกไม่อยากใส่เสื้อผ้าซ้ำกันมากกว่า 2 ครั้ง คุณจะรู้สึกไม่อยากให้ทุกคนมองคุณว่าดูไม่น่าสนใจ

ในขณะที่ความรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่เกิดขึ้น คุณเริ่มที่จะเปลี่ยนตัวคุณเองเพื่อตอบสนองความรู้สึกของคนอื่นแต่คุณอาจจะลืมไปว่าลิมิตของคุณมันมีจำกัดแค่ไหน มันจะทำให้ชีวิตคุณพังหากคุณออกนอกกรอบลิมิตชีวิตของคุณไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเงินและชีวิตส่วนตัว 

5. ความฝันและเป้าหมายในอนาคตที่ไม่ชัดเจน

คุณอาจจะเคยมีการวางแผนชีวิตไว้ในการเริ่มต้นการทำงานและคุณก็มีเป้าหมายในวันที่คุณเริ่มต้น คุณพยายามที่จะเดินตามเป้าหมายเรานั้นแต่มันอาจจะกลายเป็นเพียงการทำงานไปวันๆโดยปราศจากกำหนดความสำเร็จ เพราะนั่นมันเกิดจากงานที่คุณทำมันทำให้คุณต้องรับบทหนักเกินไปจนบางครั้งคุณลืมมองไปถึงเป้าหมายที่คุณได้วางไว้ และงานของคุณกลายเป็นเรื่องความจำเป็นที่ต้องทำมากกว่าความชอบที่ต้องทำ 

เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเรื่องของการมองหาเป้าหมายหมดไป คุณจะเริ่มรู้สึกมีความคิดในเชิงลบ เริ่มจะมีความรู้สึกเหนื่อยล้า จนบางครั้งคุณแทบจะหาคำตอบของตัวคุณเองไม่ได้เลยว่า “เป้าหมายในชีวิตของคุณคืออะไร” หรือแม้กระทั่งคำถามที่ว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่” คุณไม่มีคำตอบให้กับสิ่งเหล่านี้ นี่เป็นสัญญาณเตือนวัดสิ่งที่คุณกำลังทำกำลังเดินตามไปมันไม่ใช่เป้าหมายและไม่ใช่สิ่งที่เป็นความฝันที่คุณต้องการทำให้มันเป็นจริง 

6. การเริ่มมองถึงคุณค่าของตัวเองที่ต่ำลง

ข้อนี้จะเป็นสัญญาณเตือนในข้อสุดท้ายแต่เป็นข้อที่รุนแรงที่สุด เพราะมันจะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณเกิดความรู้สึกทั้งหมดก่อนหน้านี้ มันเป็นบทสรุปของความรู้สึกโดยรวมทั้งหมดและทุกอย่างจะถูกโยนลงไปที่เรื่องของความรู้สึกการให้ค่าของตัวคุณเอง เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มมีความคิดในเชิงลบตามหัวข้อก่อนหน้านี้แล้วคุณแทบจะหนีไม่พ้นกับความรู้สึกด้อยค่าในตัวของคุณเอง

เพราะสัญญาณเตือนทั้งหมดนี้มันสามารถที่จะค่อย ๆ บั่นทอนความรู้สึกต่อตัวเองให้น้อยลงไปในทุกๆวัน คุณจะเริ่มรู้สึกคุณไม่มีค่าและไม่มีความสำคัญในจุดที่คุณกำลังยืนอยู่ คุณไม่มีพลังงานมากพอที่จะตอบตัวเองให้ได้ว่าคุณต้องการอะไรหรือดึงตัวคุณเองขึ้นมาจากความรู้สึกนั้น แต่คุณมีเพียงความรู้สึกถึงความไม่เอาไหนของตัวเองเพียงอย่างเดียวจนทำให้คุณต้องการล้มกระดานในสิ่งที่คุณทำมาทั้งหมด 

เมื่อคุณได้เรียนรู้สัญญาณเตือนชีวิตกำลังเดินผิดทางจากสิ่งที่เราได้แบ่งปันมาให้คุณทั้งหมดนี้แล้ว คุณควรที่จะเริ่มต้นสังเกตและหาทางแก้ไข แต่การแก้ไขในเบื้องต้นคุณสามารถทำมันได้ด้วยการปรับทัศนคติของตัวคุณเองเมื่อคุณได้สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และการปรับเปลี่ยนทัศนคติด้วยการเริ่มต้นง่าย ๆ ก็คือการเพิ่มความคิดเชิงบวกเข้าไปในทุกเรื่องและทุกการตัดสินใจ การหยุดความกลัวและการมองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวคุณเอง หากคุณสามารถที่จะเริ่มปรับทัศนคติได้เพียงเล็กน้อยนั่นก็คือเป็นสัญญาณที่ดีที่กำลังจะบอกว่าคุณสามารถที่จะกลับมาเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้  howto101

เครดิต : เว็บสล็อต