เมื่อพูดถึงความวิตกกังวลทุกคนจะไม่ค่อยได้พลาดกับความรู้สึกนี้ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ และทุกเวลา สาเหตุของความวิตกกังวลมีหลายสาเหตุด้วยกันเพราะความแตกต่างในสถานการณ์ ระดับความยากง่ายของปัญหา บอกได้ว่าความวิตกกังวลเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติที่แก้ไขมันได้ด้วยการเยียวยาจากวิธีทางธรรมชาติ ซึ่งจะอยู่ในเคล็ดลับที่จะแบ่งปันต่อไปนี้ จะบอกถึงฮาวทูหยุดความรู้สึกวิตกกังวลด้วยธรรมชาติบำบัดแบบง่าย ๆ ที่คุณทำได้ในชีวิตประจำวัน มันอาจจะเป็นอีกทางเลือกอยากให้คุณลองดู
1. ออกไปข้างนอกเพื่อสัมผัสธรรมชาติ
การสัมผัสธรรมชาติไม่ได้หมายความว่าแค่คุณออกไปสูดรับอากาศเพียงเท่านั้น การสัมผัสในที่นี้เราจะหมายถึงสัมผัสด้วยความรู้สึก เช่น ภาพ รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส
ภาพ
ในที่นี้เราหมายถึง Sight ภาพจริง ไม่ใช่แค่เสมือนจริง การเดินออกไปเจอกับธรรมชาติอย่าง มองต้นไม้ น้ำตก หรือภูเขา แม่น้ำ ทะเล สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่าเป็นภาพจริงทางธรรมชาติ ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่คุณมองธรรมชาติเหล่านี้จะทำให้สมองของคุณเริ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างเงียบ ๆ คุณจะสัมผัสได้ว่าคุณรู้สึกถึงความปลอดภัยและการทำให้ภายในร่างกายและจิตใจได้นั่งลงพักผ่อนจริง ๆ
เสียง
เสียงในที่นี้เป็นเสียงจากธรรมชาติแท้ ๆ เช่น เสียงน้ำไหลในลำธาร หรือเสียงเงียบ ๆ จากในป่าหรือสวนสาธารณะที่เงียบสงบ เมื่อไหร่ที่คุณสามารถสัมผัสเสียงเหล่านั้นได้ เสียงธรรมชาติจะช่วยลดระดับ Cortisol ที่ร่างกายผลิตออกมาในเวลาที่คุณรู้สึกเครียด เมื่อไหร่ที่คุณได้ยินเสียงจากธรรมชาติเหล่านี้ จะทำให้คุณผ่อนคลาย ความตึงเครียดน้อยลงปริมาณ Cortisol จะลดลง
สำหรับเสียงธรรมชาติคุณสามารถสร้างมันได้เองจากการฟังเสียงจากเสียงตนตรีที่ใช้เสียงธรรมชาติเป็นตัวโน๊ต ฟังผ่านหูฟังของคุณมันจะทำให้เป็นพื้นที่ธรรมชาติส่วนตัวคุณ
รสชาติ
แน่นอนว่ามันคือการรับประทานอาหาร ให้คุณเริ่มการรับประทานอาหารของคุณด้วยการรวบรวมสติก่อนเลือกอาหารที่คุณจะรับประทานเข้าไป เมื่อคุณรู้จักเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว นั่นก็แปลว่าในขณะที่คุณกำลังรับประทานเข้าไป สมองของคุณจะมีความสุขเพราะคุณได้รับรู้ถึงสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายกำลังเข้าไปสู่ร่างกายของคุณ มันเป็นวิธีการเชื่อมโยงสติกับอาหารที่จะทำให้ความวุ่นวายในความคิดหายไปชั่วขณะ
กลิ่น
การสัมผัสธรรมชาติด้วยกลิ่นเป็นวิธีที่ดีมากอีกวิธีหนึ่ง มันเหมือนคุณได้ใช้กลิ่นของธรรมชาติเข้าไปดีท็อกซ์ควันสีเทา ๆ ในเนื้อสมองของคุณ และกลิ่นเป็นตัวเชื่อมกันกับอารมณ์ทั้งสองสิ่งนี้จะเดินไปด้วยกัน ดังนั้นเมื่ออารมณ์ของคุณขุ่นมัว มีความกังวล อารมณ์ไม่พร้อมที่จะรับสิ่งอื่น ๆ เข้ามาในสมองของคุณ แต่เมื่อไหร่ที่กลิ่นแห่งธรรมชาติเข้าสู่ระบบหายใจของคุณ อาการเหล่านี้จะบรรเทาและหายไปในที่สุด กลิ่นทางธรรมชาติในที่นี้ได้แก่ กลิ่นโอโซนจากต้นไม้ กลิ่นดิน กลิ่นต้นหญ้า หรือแม้กระทั่งกลิ่นแม่น้ำ กลิ่นเหล่านี้เป็นตัวทำลายอารมณ์ที่ขุ่นมัว กังวลออกไปจากสมองของคุณ และยังได้รับออกซิเจนเข้าร่างกายเพื่อฟอกขับของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย
2. การฝึกจิตใจด้วยโยคะ หรือการนั่งสมาธิ
โยคะให้อะไรมากกว่าความยืดหยุ่น โดยปรกติคนจะเล่นโยคะเพื่อการฝึกสมาธิและทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายแข็งแรง เป็นการเชื่อมโยงจิตใจกับกายภาพเข้าด้วยกันได้ดีเยี่ยม ข้อดีของการเล่นโยคะ
- ได้สัมผัสกับร่างกายอย่างแท้จริง การยืดร่างกายด้วยท่วงท่าต่าง ๆ อย่างมีสติ จะทำให้คุณได้รับรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายแบบช้า ๆ มันราวกับว่าคุณกำลังรักษาร่างกายของคุณให้มีความแข็งแรงและสมดุล
- ช่วยเรื่องการหายใจ หรือปราณายามะ เป็นการฝึกกำหนดลมหายใจจากจุดศูนย์กลางภายในของร่างกาย หากคุณได้ทำทุกวัน เชื่อว่าสติของคุณจะกลับมาสมบูรณ์ไม่ฟุ้งซ่านได้เร็ว
- ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น เมื่อปัญหาการนอนหลับของคุณส่วนใหญ่เกิดจาการที่สภาพร่างกายทำให้คุณรู้สึกบาดเจ็บ ท่าโยคะต่าง ๆ จะช่วยให้ร่างกายส่วนที่บาดเจ็บหายไป และจะทำให้คุณสามารถนอนหลับได้อย่างลึกและสงบที่สุด
- เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจ เมื่อไหร่ที่ในของคุณสงบลง คุณจะสามารถรับมือกับความวิตกกังวลหรือปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างนิ่งที่สุดแบบที่คุณไม่เคยเป็นมาก่อน คุณจะสามารถเรียบลำดับระดับความวิตกกังวลและตัดมันออกไปได้ในที่สุด
สำหรับการนั่งสมาธิ การทำสมาธิไม่จำเป็นต้องจุดเครื่องหอมใด ๆ เพื่อปรับอารมณ์ ไม่ต้องใช้แสงเทียนเพื่อสร้างอารมณ์หรือไม่จำเป็นแม้กระทั่งต้องใช้บทสวดมนต์ คุณสามารถนั่งได้ทุกที่และทุกเวลาที่คุณต้องการ การให้เวลาให้จิตใจว่างเพียง 5 นาที ให้หยุดคิดเรื่องต่าง ๆ เวลา 5 นาทีนี้จะไม่เปลี่ยนเหตุการณ์ใด ๆ แต่จะเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของคุณให้แข็งแกร่งและเอาชนะทุกอย่างได้ใสใส
3. ให้เวลากับธรรมชาติ
เมื่อต้องการให้ธรรมชาติบำบัด คุณต้องแบ่งเวลาที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างจริงจัง ในวันหยุดของคุณให้คุณใช้เวลานั้นในการกลับสู่ธรรมชาติ คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการท่องเที่ยวดูน้ำตกธรรมชาติที่น่าจะเข้าถึงได้ง่ายที่สุด การตั้งแคมป์บนภูเขาก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและช่วยได้ดีทีเดียว แต่หากคุณไม่มีเวลาจริง ๆ คุณสามารถเลือกพื้นที่ธรรมชาติใกล้บ้าน ให้เวลากับกิจกรรมหรืออยู่ตรงนั้นสักวันละ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ เท่านี้ก็ช่วยปรับอารมณ์คุณได้ในแต่ละวัน ข้อดีของการกลับคือสู่ธรรมชาติไม่ใช่แค่ให้คุณกังวลน้อยลง ยังช่วยเรื่องต่อไปนี้
- ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น
- ช่วยให้ความดันโลหิตลดลง
- ลดระดับความเครียด
- หยุดวิตกกังวลลดลงได้ชั่วขณะ
- สร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
- เริ่มมองเห็นตัวเอง เริ่มสนใจและรักตัวเองมากขึ้น
4. เขียนความนึกคิด
การเขียนมีประโยชน์มากพอ ๆ กับการอ่านหนังสือ แต่การเขียนจะสามารถบรรยายความรู้สึกของคุณได้ทั้งหมดแบบไม่ต้องพูด บางทีการเขียนสามารถบอกอะไรได้มากกว่า คุณลองใช้เวลาว่างของคุณหรือเวลาที่คุณรู้สึกอารมณ์ดิ่งที่สุด ลองหยิบสมุดปากกามาเขียนความรู้สึกของคุณลงไป ให้คุณใช้เวลากับการเขียนไม่เกิน 20 นาที เมื่อทุกอย่างถูกบรรยายเป็นตัวหนังสือจบลง ให้คุณหายใจเข้าลึก ๆ และลองทบทวนสิ่งที่คุณเขียน มันจะรู้สึกแตกต่างจากตอนแรก มันจะโล่งเป็นพิเศษแบบที่คุณไม่เคยรู้สึกมาก่อน หลังจากนั้นให้คุณรวบรวมสติอีกครั้งและเขียนความรู้สึกหรือความคิดในเชิงบวกแล้วให้คุณลองอ่านมันแบบจริงจัง ความคิดของคุณจะเปลี่ยนไป คุณจะเริ่มมีความคิดเชิงบวกมากขึ้นอย่างเห็นผลได้ชัด
5. อยู่กับสัตว์เลี้ยง
ใครที่สามารถอยู่กับสัตว์ได้ด้วยความรักนั่นแปลว่าจิตใจของคุณมีความใจเย็นและมีความเมตตา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ความกังวลหลุดออกไป และการที่คุณจดจ่ออยู่กับสัตว์เลี้ยงก็เป็นการควบคุมอารมณ์ของคุณให้เย็นลง มีรอยยิ้มและหลั่งสารแห่งความสุขออกมา การที่คุณได้สื่อสารกับสัตว์เลี้ยงมีข้อดีดังนี้
เพิ่มคุณค่าในชีวิตสูงขึ้น คุณไม่ได้อยู่คนเดียว แต่คุณมีสิ่งมีชีวิตที่ทำให้คุณมีความสุข
เพิ่มความนับถือตนเอง มันแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถดูแลสิ่งมีชีวิตอย่างสัตว์เลี้ยงให้มีความสุขได้
เพิ่มแรงจูงใจในการทำสิ่งอื่น ๆ ได้อย่างใจเย็น
เพิ่มการออกกำลังกายด้วยการวิ่งเล่นกับสัตว์เลี้ยงของคุณ
มีอารมณ์ที่ดีขึ้น มันเหมือนกับคุณมีเพื่อนที่อยู่เคียงข้าง
ลดความเหงาลง สัตว์เลี้ยงจะคลอเคลียกับคุณตลอดเวลาจนคุณแทบไม่มีเวลาคิดอย่างอื่น ความน่ารักไร้เดียงสาจะทำให้คุณรักมันมากขึ้น
ความดันโลหิตลดลง เพราะคุณไม่รู้สึกเครียดหรือกังวลอะไรอีกในขณะที่คุณกำลังเล่นอยู่กับสัตว์เลี้ยงของคุณ
ลืมความวิตกกังวล แน่นอนว่าจุดโฟกัสความสุขของคุณจะอยู่ที่สัตว์เลี้ยงของคุณ
ทั้งหมดนี้เป็นการลดความวิตกกังวลแบบเรียบง่ายแต่ได้ผลดีเยี่ยมหากคุณตั้งใจทำอย่างจริงจัง การทำจิตใจให้ยอมรับและการมองชีวิตให้ง่ายขึ้นและที่สำคัญการให้คุณค่ากับตัวเองมากขึ้นเป็นสิ่งที่สามารถเอาชนะความวิตกกังวลได้ดีที่สุด คุณต้องจริงจังและทำมันอย่างตั้งใจ